แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ ปี 2556 |
โรงงานพลาสติก ขวดพลาสติก บรรจุภัณฑ์ | K.V.J. Union Co., Ltd.

News & Updates

Archive for July, 2013

แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ ปี 2556

แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ ปี 2556 Packaging Trend 2013

เมื่อพูดถึงกระแสของบรรจุภัณฑ์ ปี 2556 Scott Steele ประธานบริษัท Plastics technology ยังคงให้ความสำคัญกับวิธีการในการปกป้องสินค้าอย่างคุ้มค่า ถึงแม้ภาพลักษณ์ของยี่ห้อสินค้า รูปทรง รูปแบบต่างๆ รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของบรรจุภัณฑ์ต่างเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ แต่หลักๆ แล้วต้นทุนยังคงเป็นคำตอบของทุกสิ่ง อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการลดต้นทุนแล้ว ยังมีหลายปัจจัยที่อุตสาหกรรมให้ความสนใจในปี 2556 นี้

การรีไซเคิล – ถึงแม้กระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ยังคงอยู่ในกระแสได้ตลอดเวลา สมาคม American Chemistry Council และ สมาคมผู้ประกอบการรีไซเคิลพลาสติก (The Association of Postconsumer Plastic Recyclers หรือ APR) เปิดเผยสถานการณ์การรีไซเคิลในปี 2555 ว่าเป็นมีการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยสมาคมเชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมสามารถผลักดันให้มีการรีไซเคิลเพิ่มขี้นได้ รวมถึงให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคด้านการรีไซเคิลพลาสติก จากรายงานวิจัยจาก The Freedonia Group. คาดว่าสหรัฐอเมริกามีความต้องการเพิ่มปริมาณการรีไซเคิลพลาสติกปีละ 6.5% เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายการรีไซเคิลพลาสติกน้ำหนัก 3500 ล้านปอนด์ภายในปี 2559 ซึ่งการไปถึงเป้าหมายนี้ต้องมีการขับเคลื่อนหลายปัจจัยพร้อมกัน ได้แก่การเน้นย้ำความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน การพัฒนากระบวนการ และค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการรีไซเคิลพลาสติกได้หลากหลายและเปลี่ยนเป็นเม็ดเรซินที่มีคุณภาพสูง รวมถึงพัฒนากระบวนการและขั้นตอนในการเก็บและการแยกขยะ นอกจากนั้นการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลระดับประเทศก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเพิ่มอัตราการรีไซเคิลได้

ปริมาณการใช้งานพลาสติกชีวภาพที่เพิ่มขึ้น – ถึงแม้พลาสติกชีวภาพมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 1% ของยอดจำหน่ายพลาสติกทั้งหมด แต่นักวิจัยการตลาดจาก NanoMarkets คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7% ภายในปี 2563 อย่างไรก็ตามเพื่อให้มีศักยภาพสูงสุดในการแข่งขันในตลาด พลาสติกชีวภาพต้องมีราคาที่ต่ำลง โดยปัจจุบันพลาสติกชีวภาพมีราคาสูงเป็น 2-3 เท่าตัวของราคาพลาสติกที่มาจากปิโตรเลียมเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงมากนั่นเอง การลดต้นทุนสามารถทำได้ถ้ามีปริมาณการใช้งานในสเกลใหญ่ขี้น และการใช้วัตถุดิบราคาถูกในกระบวนการผลิต เช่น การใช้แป้งมันสำปะหลังผลิต PLA ชีวภาพ (Bio-poly lactic acid) ซึ่งสามารถลดต้นทุนของวัตถุดิบลงได้ 70% นอกจากนั้นการปรับปรุงสมบัติเชิงเทคนิคของพลาสติกชีวภาพเพื่อให้ใช้งานได้กว้างขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ สำหรับขวดน้ำพลาสติกจะมีการใช้ PET ชีวภาพ (Bio-PET) แทนพลาสติกที่มาจากฟอสซิลทั้งหมด รวมถึงจะมีการนำโฟม PLA เข้าไปใช้ในงานบรรจุภัณฑ์อาหารด้วย

การเปิดตลาดเป็นกุญแจสำคัญ – บริษัท PCI Films Consulting ระบุ 13 ตลาดที่น่าสนใจสำหรับงานบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible packaging) ได้แก่ โปแลนด์ รัสเซีย ตรุกรี เม็กซิโก บราซิล อินเดีย อินโดนิเซีย ไทย เวียดนาม ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไนจิเรียและแอฟริกาใต้ ซึ่งตลาดเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันถึง 14,000 ล้านดอลลาร์ และมีการเติบโตเกือบ 70% ตั้งแต่ปี 2549 โดยปัจจุบันคิดเป็น 20% ของความต้องการในตลาดโลก เป็นที่น่าสนใจว่าถึงแม้หลายประเทศจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจแต่ยังสามารถรับสถานการณ์ได้ดีด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปีตั้งแต่ปี 2549  อีกเหตุผลหนึ่งที่งานบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนนี้มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนประชากรและจำนวนซุปเปอร์มาร์เกตที่เพิ่มขึ้น

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของบรรจุภัณฑ์แบบ Pouches – Pouches เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นถุงทนความร้อน จากรายงานวิจัยของบริษัท Mintel International.ในปี 2553 ที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 1210 รายการที่บรรจุในถุง Pouches ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 885 รายการในปี 2550 นอกจากนั้นบริษัท Freedonia Group ยังเปิดเผยว่าความต้องการของบรรจุภัณฑ์แบบ Pouches ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 5.1% ต่อปีจนเป็น 8800 ล้านดอลลาร์ ในปี 2559. สำหรับความต้องการบรรจุภัณฑ์ Pouches ชนิดตั้งได้ (Stand-up pouch) คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.2% ทุกปีและมีมูลค่า 2000 ล้านดอลลาร์ในปี 2559 โดยมีอุตสาหกรรมอาหารเป็นตลาดใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ Pouches มีข้อได้เปรียบในเรื่องน้ำหนักเบา ประหยัดค่าขนส่งและลดปริมาณการใช้วัสดุเมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์แบบแข็ง ในยุโรปกำลังนิยมใช้บรรจุภัณฑ์ Pouches ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงและน้ำผลไม้สำหรับเด็ก จากรายงานวิจัยยังพบว่าผู้บริโภคกลุ่มอายุ 18-25 ปีคิดว่าการใช้บรรจุผลิตภัณฑ์ในกระป๋องเป็นเรื่องเชยและชื่นชอบบรรจุภัณฑ์ Pouches มากกว่า

Credit: plastic.oie.go.th/ReadArticle.aspx?id=7455

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

พลาสติกจากข้าวโพด

วัสดุพลาสติกจากข้าวโพด

เมื่อกล่าวถึงพลาสติก น่าจะเป็นที่แน่ชัดว่าทุกคนคงรู้จัก และเคยสัมผัสกับวัสดุชนิดนี้ เนื่องจากพลาสติกเป็นวัสดุที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายในเกือบจะทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน พลาสติกเป็นสารพอลิเมอร์ (polymer) ซึ่งสังเคราะห์ได้จากการที่นำเอาหน่วยเล็กๆ ของสารประกอบที่มีโครงสร้างเหมือนกัน ที่เรียกว่ามอนอเมอร์ (monomer) มาเรียงต่อเป็นสายโซ่ยาว ซึ่งหากเปลี่ยนชนิดของมอนอเมอร์ที่ใช้ ก็จะได้สารพอลิเมอร์ที่มีชื่อ และคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่น หากใช้สไตรีน (styrene) เป็นมอนอเมอร์ ก็สามารถสังเคราะห์เป็นพอลิสไตรีน (polystyrene) ที่ใช้ผลิตโฟม หรือแก้วกาแฟ เป็นต้น

บรรจุภัณฑ์สลายตัว

นอกจากนี้ยังมีสารมอนอเมอร์ชนิดอื่นอีกมากมายที่นิยมนำมาผลิตเป็นพลาสติก ตัวอย่างเช่น ethylene และ propylene (ถุงพลาสติก), vinyl chloride (ท่อประปา), ethylene terephthalate (ขวด PET) ซึ่งสารมอนอเมอร์เหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมหรือน้ำมันดิบ ทั้งจากการกลั่นแยกปิโตรเลียมโดยตรง หรือนำมาผ่านกระบวนการทางเคมีอื่นก็ได้ เนื่องจากพลาสติกมีคุณสมบัติที่หลากหลาย และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง จึงทำให้อัตราการผลิตและบริโภควัสดุชนิดนี้มีสูงมาก

.แต่อย่างไรก็ตามพลาสติกที่ผลิตได้เหล่านี้ก็กำลังก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมขึ้น เนื่องจากอัตราการกำจัดพลาสติกที่ใช้แล้วไม่สมดุลกับอัตราการผลิตนั่นเอง สืบเนื่องจากกระบวนการกำจัดวัสดุเหล่านี้หลังการใช้งานนั้นทำได้ยาก เพราะพลาสติกสามารถย่อยสลายได้ยากมาก หรือบางชนิดก็ไม่สามารถสลายตัวได้เลย แม้ในปัจจุบันจะมีการรณรงค์ให้นำพลาสติกบางชนิดกลับมาใช้ใหม่ โดยกระบวนการ recycle แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอกับอัตราการผลิตและการบริโภค นอกจากนี้วิธีการอื่นๆที่สามารถนำมาใช้เพื่อจัดการกับวัสดุเหล่านี้ เช่น การฝังกลบ การเผา ก็ก่อให้เกิดปัญหาอื่นตามมาอีก เช่น การรั่วไหลของสารพิษลงสู่แหล่งน้ำ หรือการเกิดก๊าซจากการเผาไหม้ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

คุณค่าทางทางเศรษฐกิจก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องพิจารณา นอกจากปัญหาด้านอัตราการบริโภค และการกำจัดขยะพลาสติกดังที่กล่าวมาแล้ว ราคาของปิโตรเลียมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นต่อไปอีกในอนาคต อันเนื่องมาจากหลักการตลาดของอุปสงค์และอุปทาน เพราะปริมาณปิโตรเลียมสำรองในธรรมชาติลดลง แต่กระบวนการเกิดขึ้นใหม่ตามธรรมชาติต้องใช้เวลานับร้อยๆปีในการทับถมของซากสิ่งมีชีวิต ซึ่งไม่สมดุลกับอัตราการบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้น จึงมีการคาดหมายว่าปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะหมดไปจากโลกภายในแวลาอีกไม่เกิน 100 ปีข้างหน้า สาเหตุเหล่านี้ จึงเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการศึกษาค้นคว้าเพื่อผลิตวัสดุที่มีสมบัติทางกายภาพเทียบเคียงกับพลาสติก แต่สามารถผลิตได้จากวัตถุดิบที่ไม่ได้มาจากปิโตรเลียม และมีสมบัติที่สำคัญคือ สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันมีการ ผลิตพอลิเมอร์ตามวัตถุประสงค์นี้ได้หลายชนิด

ในโอกาสนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับพอลิแล็คติก แอสิด (polylactic acid) หรือพอลิแล็คไทด์ (polylactide) ก่อน เนื่องจากเป็นวัสดุที่ได้รับความสนใจผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ทางการค้าอย่างแพร่หลายในขณะนี้ โดยพอลิเมอร์ชนิดนี้สังเคราะห์ได้จากวัตถุดิบทางการเกษตรจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้ข้าวโพดเป็นหลัก กระบวนการสังเคราะห์พอลิแล็คติก แอสิดถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกโดยนักวิจัยจากบริษัท Dupont ในสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อ W.H. Carothers เมื่อปี ค.ศ. 1932 หลังจากนั้นก็มีการศึกษาและพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีบริษัทที่ผลิตพอลิเมอร์ชนิดนี้ทางการค้าหลายบริษัท ที่สำคัญ คือ บริษัท Cargill Dow ประเทศสหรัฐอเมริกา และบริษัท Mitsui Chemical ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

Credit: vcharkarn.com/varticle/277

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

ปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี ขวดบรรจุภัณฑ์

ขวดบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุ ปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี ฯลฯ

BPE81 ขวดพลาสติกปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี 1000cc

BPE81 ขวดพลาสติก 1000ml (1)

BPE119 ขวดพลาสติกปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี 1000cc ฝาฉีก

BPE81 ขวดพลาสติก 1000ml (1)

BPE115K ขวดพลาสติกปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี 1000cc

BPE115K ขวดพลาสติก 1000cc (1)

BPE83 ขวดพลาสติกปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี 1000cc

BPE83 ขวดพลาสติก 1200ml (1)

BPE84 ขวดพลาสติกปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี 700cc

BPE84 ขวดพลาสติก 700ml (1)

BPE82 ขวดพลาสติกปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี 600cc

BPE82 ขวดพลาสติก 600ml (3)

BPE118 ขวดพลาสติกปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี 600cc

BPE118 ขวดพลาสติก 600ml (1)

 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปุ๋ยอินทรีย์ สารเคมี ขวดบรรจุภัณฑ์

บริษัท เค.วี.เจ. ยูเนี่ยน จำกัด
70 ถนนพระรามที่ 3
แขวงบางคอแหลม
เขตบางคอแหลม
กรุงเทพฯ 10120

T: 02 289 1996
F: 02 292 1223
E: [email protected]
LINE: @tul2062b

Add Line

 

Posted in: ผลิตภัณฑ์และบริการ

Leave a Comment (0) →